ซีซั่นแรกของ Daredevil: Reborn จบลงแล้ว ทำให้แฟนๆ ต่างตกใจและกระหายคำตอบ ซีรีส์เรื่องนี้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การกลับมาของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จาก Hell’s Kitchen สู่จักรวาลภาพยนตร์ Marvel เลือกใช้โทนสีที่มืดมนและรุนแรงมากกว่า ซึ่งสะท้อนออกมาโดยตรงในตอนจบ แต่ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ของ Daredevil: Reborn หมายถึงอะไร? ผลกระทบต่ออนาคตของตัวละครและเมืองนิวยอร์กคืออะไร? ด้านล่างนี้เราจะอธิบายเหตุการณ์และทฤษฎีหลักๆ
อะไรจะเกิดขึ้นในตอนจบของ Daredevil: Born Again?
ในตอนสุดท้าย แมตต์ เมอร์ด็อกพบว่าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับวิลสัน ฟิสก์อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่เพียงดำรงตำแหน่งคิงพินเท่านั้น แต่ยังเป็นนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์กอีกด้วย เมื่ออำนาจทางการเมืองและสังคมของเมืองอยู่ในมือ ฟิสก์ก็ประกาศกฎอัยการศึก โดยห้ามนักนอกกฎหมาย และใช้กำลังเพื่อขจัดการต่อต้านใดๆ
เนื้อเรื่องถึงจุดสุดยอดเมื่อ Foggy Nelson ถูก Bullseye ฆ่าตามคำสั่งของ Vanessa Fisk การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งของแมตต์ ซึ่งไม่เพียงสูญเสียเพื่อนไป แต่ยังสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปบางส่วนด้วย แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ตอบโต้ด้วยความโหดร้ายแบบเดียวกัน เมอร์ด็อกหลบหนีจากการปิดล้อมของฟิสก์ และเริ่มรวบรวมพันธมิตร รวมถึงคาเรน เพจ และแฟรงก์ คาสเซิล ผู้รับบทเดอะพันนิชเชอร์ ฉากสุดท้ายแสดงให้เห็นเมืองที่จมอยู่ในความตึงเครียดและความกลัว ในขณะที่แมตต์ปรากฏตัวในฐานะสัญลักษณ์ของการต่อต้าน ซึ่งได้รับบาดเจ็บมากกว่าเดิม แต่มุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
ตอนจบของ Daredevil: Reborn เต็มไปด้วยการเปรียบเปรย ไฟดับในนิวยอร์กของฟิสก์ไม่ใช่แค่ความหมายตามตัวอักษร แต่ยังแสดงถึงความพยายามของตัวร้ายที่จะดับความหวังและแสงสว่างของเมืองอีกด้วย ในบริบทนี้ แมตต์รับบทบาทเป็นประภาคารเพียงดวงเดียวที่เต็มใจที่จะจุดไฟให้กับสิ่งที่ยังคงอยู่ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
การที่เมอร์ด็อกเลือกที่จะยืนหยัดตามหลักการของตนเอง แม้จะเผชิญกับความรุนแรงอย่างสุดโต่งและการสูญเสียส่วนตัว ทำให้ตัวละครนี้มีความสองด้านมากขึ้น นั่นคือเป็นฮีโร่ที่ขับเคลื่อนด้วยความศรัทธาและความผิด แต่ปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อความมืดมนโดยสิ้นเชิง